โรคสมาธิสั้นเป็นโรคที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดตั้งแต่เด็กและสืบเนื่องมาจนโต การรักษาโรคสมาธิสั้นมีทั้งแบบใช้ยาและการปรับพฤติกรรม ขึ้นอยู่กันพฤติกรรมของแต่ละคนว่ามากน้อยเพียงใด ในปัจจุบันกัญชาถือเป็นสมุนไพรที่ทางการแพทย์ได้มีการศึกษาและนำมาใช้ในการรักษาโรคเพิ่มขึ้นในรูปแบบของสารสกัดและยังมีการศึกษาถึงเรื่องกัญชากับโรคสมาธิสั้น พบว่าในกัญชามีสารตัวหนึ่งที่ออกฤทธิ์คล้ายกับยารักษาโรคสมาธิสั้น จึงทำให้กัญชากลายเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในการดูแลรักษาสุขภาพโดยเฉพาะปัญหาเรื่องสมาธิสั้นนั่นเอง ซึ่งกัญชาจะรักษาโรคสมาธิสั้นได้อย่างไร มาอ่านไปพร้อมกันเลย four twenty สรุปมาให้แล้ว!
โรคสมาธิสั้นหรือเรียกว่า Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) เป็นโรคที่เกิดความผิดปกติบริเวณสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นส่วนของการควบคุมสมาธิ เมื่อสมองส่วนนี้ทำงานน้อยลง ระดับโดพามีนก็จะลดลง จึงส่งผลให้ไม่สามารถอยู่เฉยๆ นั่งนิ่งๆ เป็นเวลานานๆ ได้ ไม่มีสมาธิ โรคนี้หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องมักเกิดในเด็กและสืบเนื่องมาจนถึงตอนโตเป็นผู้ใหญ่ได้
อาการของโรคสมาธิสั้นไม่ได้ร้ายแรงมากก็จริง แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจกระทบต่อการใช้ชีวิต การทำงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างขั้นร้ายแรงได้เลยทีเดียว
สำหรับอาการของโรคสมาธิสั้นในเด็กและผู้ใหญ่นั้นจะสังเกตได้ไม่เหมือนกัน ในวัยเด็กจะมีความซน อยากรู้อยากเห็นมากกว่า จึงทำให้อยู่ไม่นิ่งมากกว่า ส่วนในวัยผู้ใหญ่อาจสังเกตได้จากการทำกิจกรรมที่ต้องจดจ่อเป็นเวลานานไม่ได้ รู้สึกเสียสมาธิง่าย รวมถึงหงุดหงิดง่าย สรุปได้ดังนี้
ใครที่มีปัญหาและสงสัยว่าตนเองเข้าข่ายโรคสมาธิสั้น ก่อนที่จะไปดูวิธีการรักษาโรคสมาธิสั้น มาเข้าใจกันก่อนว่า เพราะเหตุใดหลายคนจึงเป็นโรคสมาธิสั้น โดยสาเหตุของการเกิดโรคสมาธิสั้นสามารถแบ่งกลุ่มใหญ่ๆ ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
การรักษาโรคสมาธิสั้นสามารถรักษาได้ 2 วิธีหลักๆ ได้แก่การปรับพฤติกรรมและการทานยา
ก่อนจะเลือกใช้กัญชารักษาโรคสมาธิสั้น ต้องเข้าใจก่อนว่ากัญชามีสารอะไรบ้างที่ช่วยให้อาการของโรคสมาธิสั้นดีขึ้นได้ ในหัวข้อนี้ four twenty จะพามาดูว่าสารสำคัญในกัญชากับโรคสมาธิสั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร สารแต่ละตัวออกฤทธิ์อย่างไรบ้าง
สาร CBD (Cannabidiol) เรียกว่า สารแคนนาบินอยด์ เป็นสารที่พบในพืชตระกูลกัญชาที่มีปริมาณสาร THC ต่ำ สาร CBD ได้รับการรับรองจากกรมการอนามัยโลกแล้วว่า ไม่ใช่สารเสพติด ไม่ส่งผลต่อระบบประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการมึนเมา ในปัจจุบันจึงได้มีการนำมาใช้รักษาผู้ป่วยในทางการแพทย์ สามารถสรุปได้ว่าสาร CBD มีประโยชน์ดังนี้
สาร THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นสารที่กรมการอนามัยโลกจัดให้เป็นยาเสพติดประเภทที่ 1 คือออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท หากใช้สาร THC ในปริมาณสูงจะทำให้เกิดอาการมึนเมา มีอาการเคลิบเคลิ้ม แต่หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น อยากอาหารมากขึ้น ลดอาการปวดต่างๆ ได้ สรุปได้ว่าสาร THC มีประโยชน์ในทางการแพทย์ดังนี้
จะเห็นได้ว่าในกัญชามีสารสกัดสำคัญ 2 ตัวได้แก่ CBD และ THC อยู่ด้วยกัน ถึงแม้สารทั้งสองตัวนี้จะดูมีประโยชน์คล้ายๆ กัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของการออกฤทธิ์รักษาโรค สำหรับกัญชากับโรคสมาธิสั้น สารตัวสำคัญที่ทำหน้านี้รักษาโรคสมาธิสั้นก็คือกลไกการออกฤทธิ์ของ CBD นั่นเอง
เมื่ออ่านมาถึงหัวข้อนี้หลายๆ คนคงจะเข้าใจแล้วว่ากัญชากับโรคสมาธิสั้นมีตัวสารสำคัญที่ช่วยรักษาโรคนี้ก็คือ CBD กลไกการทำงานคือ CBD จะเข้าไปกระตุ้นเพิ่มระดับสารโดพามีนบริเวณสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นกลไกลคล้ายกับยารักษาโรคสมาธิสั้น
มีการศึกษาในปี 2016 จาก 268 หัวข้อสนทนาออนไลน์บอกไว้ว่า ผู้คนกว่า 25% เชื่อว่ากัญชารักษาโรคสมาธิสั้นได้ และยังมีการศึกษาในปี 2020 ที่ได้ทำการทดสอบสาร CBD กับผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นจำนวน 112 คนพบว่าสามารถลดการใช้ยารักษาโรคสมาธิสั้นได้ รวมถึงยังมีการศึกษาในปี 2021 โดยทดสอบกับนักเรียนจำนวน 1,700 คนหลังมีการใช้กัญชารักษาพบว่าอาการสมาธิสั้นดีขึ้น และสามารถลดการใช้ยารักษาโรคสมาธิสั้นได้
แน่นอนว่าจากหลายๆ การศึกษาเกี่ยวกับกัญชากับโรคสมาธิสั้นจะเห็นได้ว่า กัญชารักษาโรคสมาธิสั้นได้ แต่อย่างไรก็ตามควรใช้อย่างถูกต้องและปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากใช้เกินปริมาณหรือใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจเกิดผลข้างเคียงต่อไปนี้
จะเห็นว่ากัญชาเป็นสมุนไพรที่ถูกนำไปใช้ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคเครียด โรคนอนไม่หลับ ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคกล้ามเนื้อหดเกร็ง โรคลมชัก โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน รวมถึงรักษาโรคสมาธิสั้น โดยสาร CBD ในกัญชาจะเข้าไปช่วยเพิ่มระดับโดพามีนในสมอง ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีสมาธิ มีจิตใจแน่วแน่อยู่กับกิจกรรมตรงหน้ามากขึ้น ลดการใช้ยารักษาโรคสมาธิสั้นได้ อย่างไรก็ตามการใช้กัญชากับโรคสมาธิสั้น ควรปรึกษาแพทย์และใช้งานอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันผลข้างเคียงร้ายแรงที่อาจตามมาได้